วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การสอนโดยใช้บทบาทสมมุติ (Role-Play Method)

วิธีสอนโดยใช้บทบาทสมมุติ (Role-Play Method)

Natthaset  teeratitham.(https://www.l3nr.org/posts/158821) ได้กล่าวไว้ว่าวิธีสอนโดยใช้บทบาทสมมุติไว้ดังนี้
               1.  แนวคิด
               การแสดงบทบาทสมมุติเป็นวิธีการสอนที่ให้ผู้เรียนได้ฝึกการแสดงออกตามสถานการณ์ที่กำหนดไว้เพื่อเป็นประสบการณ์ที่จะนำไปแก้ไขปัญหาและสถานการณ์ในชีวิตจริง
               2.  ลักษณะสำคัญ การสอนโดยใช้บทบาทสมมุติเป็นการให้ผู้แสดง แสดงออกถึงความรู้สึก ความคิด ทัศนคติต่าง ๆ ออกมาเพื่อเป็นแนวทางการเรียนรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่ง
               3.  วัตถุประสงค์
       1)  เพื่อให้ผู้เรียนได้แสดงออกโดยตัวผู้เรียนเอง
       2)  เพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกวางแผนการทำงานและทำงานร่วมกันได้
       3)  เพื่อให้ผู้เรียนได้เข้าใจความรู้สึกและพฤติกรรมทั้งของตนเองและของผู้อื่น 
       4)  เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้แสดงและผู้ดูที่ดี
       5)  เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ได้จากการแสดงบทบาทสมมุติ
               4.  จำนวนผู้เรียน การสอนโดยใช้บทบาทสมมุติ จะใช้ในห้องเรียนปกติแต่จะแบ่งผู้เรียนออกเป็น กลุ่ม คือ
       1)  กลุ่มผู้เรียนเป็นกลุ่มที่ทำหน้าที่แสดงตามบทบาทที่กำหนด โดยครูหรือตามที่มอบ
หมายจากเพื่อน ซึ่งจะมีเท่าใดขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์หรือเนื้อหา
       2)  กลุ่มผู้สังเกตการณ์ อาจจะเป็นผู้เรียนที่อยู่นอกเหนือจากการแสดงทั้งหมดหรืออาจ
จะวางให้ชัดเจนว่าผู้เรียนคนใดจะเป็นผู้สังเกตการณ์ ทั้งนี้อาจจะเลือกโดยผู้สอนหรือผู้เรียนเองก็ได้แต่ที่สำคัญผู้สังเกตการณ์ต้องมีไหวพริบความสามารถในการนำเสนอได้
       3)  กลุ่มอื่นๆ ที่นอกเหนือจาก กลุ่มข้างต้น
               5.  ระยะเวลาการสอนโดยใช้บทบาทสมมุติ จะใช้เวลาค่อนข้างมากเพราะต้องมีการเตรียมการ การแสดง และสรุปผลที่ได้จากการแสดงบทบาทสมมุติ บางครั้งอาจต้องใช้เวลามากกว่ากิจกรรมอื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้สอน

              6.  ลักษณะห้องเรียน การแสดงบทบาทสมมุติอาจจะใช้ในห้องเรียนธรรมดา หรืออาจจะสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมือนจริงก็ได้
              7.  ลักษณะเนื้อหา การแสดงบทบาทสมมุติจะใช้ได้ดีในเนื้อหาที่ต้องการแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของคน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงบทบาทที่สมมุติขึ้นมาหรือบทบาทที่เป็นของผู้แสดงเอง ต่างก็เป็นเรื่องของพฤติกรรมนิสัย หรือบุคลิกภาพของมนุษย์ทั้งสิ้น แต่ผู้สอนก็อาจจะปรับใช้ในวิชาอื่น ๆ ก็ได้
             8.  บทบาทผู้สอน การสอนบทบาทสมมุติผู้สอนมีบทบาทดังนี้คือ
       1)  ผู้สอนเป็นผู้พัฒนาหรือช่วยกันวิเคราะห์ร่วมกับผู้เรียนว่าจะกำหนดเรื่องราวใด ปัญหาใดที่จะกำหนดบทบาทสมมุติและตั้งวัตถุประสงค์ให้ชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้น ภายหลังการแสดงบทบาทสมมุติแล้ว
       2)  ผู้สอนจะต้องเป็นผู้เตรียมคำถามเพื่อถามผู้เรียนให้แสดงความคิดเห็นมากที่สุด
       3)  ผู้สอนจะต้องเตรียมประเด็นที่จะให้ผู้เรียนที่ทำหน้าที่สังเกตการณ์ได้สังเกตการณ์
ประเด็นที่กำหนด
       4)  ผู้สอนมีส่วนร่วมชี้แนะและคอยดูแลกำกับให้การแสดงบทบาทเป็นไปตามวัตถุ
ประสงค์ที่กำหนดไว้
       5)  ผู้สอนต้องเป็นผู้คัดเลือกผู้แสดง ทั้งนี้เพื่อให้การแสดงเป็นไปตามที่คาดหวัง
       6)  เป็นผู้ประเมินกระบวนการทั้งหมดร่วมกับผู้เรียน
              9.  บทบาทผู้เรียน      

      1) เป็นผู้แสดงบทบาทสมบูรณ์ตามที่ผู้สอนกำหนด
      2) เป็นผู้สังเกตการณ์
      3) เป็นผู้ชม
      4) เป็นผู้แสดงความคิดเห็นหรือร่วมอภิปรายและสรุป
             10. ขั้นตอนการสอน
      ขั้นเตรียมการ ผู้สอนเป็นผู้กำหนดสถานการณ์หรือช่วยกันวิเคราะห์เหตุการณ์หรือประเด็นต่าง ๆ ร่วมกับผู้เรียน แล้วกำหนดผู้แสดงบทบาทหรือประเด็นต่าง ๆ ร่วมกับผู้เรียน ทั้งนี้ส่วนใหญ่การแสดงบทบาทสมมุติจะแสดงทันทีทันใด โดยไม่ต้องมีการฝึกซ้อมมาก่อน โดยผู้สอนเพียงเป็นผู้อธิบายหรือซักซ้อมคร่าว ๆ เท่านั้น บางครั้งการแสดงบทบาทสมมุติ อาจจะใช้วิธีการทันทีทันใดแต่กำหนดหรือเลือกให้แสดงทันทีทันใด ผู้สอนต้องกำหนดผู้สังเกตการณ์และมอบหมายประเด็นที่จะสังเกตการณ์ให้ชัดเจน
      ขั้นแสดง ให้ผู้เรียนได้แสดงบทบาทตามที่ได้รับมอบหมายหรือเตรียมมาซึ่งบางครั้งก็แสดงทันทีทันใด               
      ขั้นสรุป
      เมื่อการแสดงจบลงผู้เรียนควรจะวิเคราะห์ อภิปราย และสรุป ด้วยตัวนักเรียนเอง ทั้งนี้อาจจะมีรูปแบบการอภิปรายตามความเหมาะสม บางครั้งการแสดงบทบาทสมมุติอาจจะต้องแสดงซ้ำเพราะว่าการแสดงในครั้งแรกเร็วเกินไปหรือไม่ชัดเจน
               11. สื่อการสอนเมื่อสอนโดยใช้บทบาทสมมุติ สื่อที่ใช้ในการสอนโดยใช้บทบาทสมมุติส่วนใหญ่คือ ผู้เรียน เพราะผู้เรียนเป็นผู้ถ่ายทอดแนวคิด เนื้อหา และพฤติกรรมต่าง ๆ แต่ละขั้น และในการสรุปอาจจะใช้สื่ออื่นเสริมเพิ่มเติมก็ได้
               12. การวัดและประเมินผล
               ในส่วนของการแสดงบทบาทสมมุตินั้น ผู้สอนเป็นผู้ประเมินว่าผู้แสดงแสดงได้ในระดับใด แต่สิ่งที่ได้หรือข้อสรุปหรือแนวคิดที่ได้ผู้เรียนเป็นผู้สรุป ผู้สอนก็ใช้วิธีสังเกตว่า ในพฤติกรรมของผู้เรียนเป็นอย่างไร
               13. ข้อดีและข้อจำกัด                    

                     ข้อดี
     1)  ผู้เรียนได้แสดงออกถึงความสามารถของตนเอง
     2)  ผู้เรียนได้เข้าใจถึงพฤติกรรมของตนเองและผู้อื่น
     3)  ทำให้ผู้เรียนเกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
     4)  ทำให้ผู้เรียนมีทักษะในการแก้ปัญหาและตัดสินใจ
     5)  ทำให้ผู้เรียนเข้าใจถึงสภาพการณ์ที่เป็นจริงของชีวิต
     6)  ทำให้ผู้เรียนรู้จักฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่น
     7)  เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงออกได้มาก
                  ข้อจำกัด
     1. หากการเตรียมการไม่ดีก็จะเสียเวลามาก
     2. หากผู้แสดงอายหรือขัดเขินก็จะทำให้การแสดงนั้นไม่ชัดเจนแนบเนียน ทำให้เรื่อราวเปลี่ยนไป
     3. หากการแสดงบางอย่างไปกระทบจิตใจผู้เรียนมากเกินไป อาจทำให้สถานการณ์
ของการแสดงเปลี่ยนไป               
     4.  ผู้สอนที่ไม่สามารถเข้าถึงปัญหาได้เองทั้งหมดก็อาจจะทำให้การแสดงนั้นมีอุปสรรคมาก
     5.  บางครั้งถ้าคาดหวังในสถานการณ์มากเกินไปก็ต้องเตรียมตัวมาก ซึ่งทำให้ไม่คุ้ม
กับการลงทุน               
                  14. การปรับใช้การสอนโดยใช้บทบาทสมมุติเพื่อเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ             

  การแสดงบทบาทสมมุติจะได้ผลดีและตรงกับแนวคิดผู้เรียนเป็นสำคัญต้องคำนึงถึง
    1)  ผู้สอนควรศึกษาและทำความเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ก่อนที่จะให้ผู้เรียนได้แสดง
    2)  ผู้สอนต้องคาดหวังถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นแล้วหาทางแก้ปัญหาไว้ก่อน
    3)  การให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมมากที่สุดไม่ว่าจะเป็นการเลือกสถานการณ์ บทบาท กำหนดผู้แสดง การวิเคราะห์ผล และสรุป อภิปรายผลโดยนักเรียนเอง จะช่วยให้ผู้เรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้
   4) ครูผู้สอนจะต้องมีความสามารถในการกระตุ้นให้ผู้เรียน อยากคิด อยากทำ อยาก
แสดง และต้องการมีส่วนร่วมให้มากที่สุด
   5)  บรรยากาศของการแสดงบทบาทสมมุติ ควรจะเป็นบรรยากาศของประชาธิปไตย
ไม่อึดอัดหรือไม่เต็มใจ
    6)  ขั้นการวิเคราะห์และสรุปผลเป็นขั้นที่สำคัญมาก ผู้สอนต้องกำกับและถ่ายทอดให้ผู้
เรียนได้เข้าใจและสรุปผลได้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่วางไว้


  วารี  ถิรจิตร (https://www.gotoknow.org/posts/506108)  กล่าวว่า บทบาทสมมติ   หมายถึง  
การสมมติบทบาทและจัดสถานการณ์ให้ผู้แสดงบทบาทได้แสดงความรู้สึกนึกคิดอารมณ์จากสถานการณ์ที่สมมติขึ้นซึ่งอาจจะเตรียมมาก่อน  ภายหลังของการแสดงบทบาทสมมติ  จะต้องมีการอภิปรายเกี่ยวกับการแสดงบทบาทความรู้สึกนึกคิดของผู้แสดง  ผู้ดูและมีการสรุปผลของการแสดงบทบาทนั้นด้วย
                การแสดงบทบาทสมมติเป็นการฝึกให้ผู้แสดงได้ประสบกับสถานการณ์จริงในสภาพของการสมมติ   ขึ้นมา  ทั้งนี้เพื่อฝึกให้ผู้เรียนได้ทดลองและเรียนรู้ที่จะปรับพฤติกรรมของตนอย่างมีประสิทธิภาพในสภาวะต่างๆ
                การสอนโดยการแสดงบทบาทสมมติ  (Role Playing)  คือ  เทคนิคการสอนที่ให้ผู้เรียนแสดงบทบาทในสถานการณ์ที่สมมติขึ้น  นั่นคือแสดงบทบาทที่กำหนดให้  การแสดงบทบาทสมมติมี  2  ลักษณะ  คือ
                1.  ผู้แสดงบทบาทสมมติจะต้องแสดงบทบาทของคนอื่น โดยละทิ้งแบบแผนพฤติกรรมของตนเองหรือการเปลี่ยนบทบาทซึ่งกันและกันกับเพื่อนหรือเป็นบุคคลสมมติ
                2.  ผู้แสดงบทบาทจะยังคงรักษาบทบาทและแบบแผนพฤติกรรมของตน  แต่ปฏิบัติอยู่ในสถานการณ์ที่อาจพบในอนาคต  บทบาทสมมติประเภทนี้เป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝนทักษะเฉพาะ
                บทบาทสมมติที่ใช้ประกอบการเรียนการสอนอยู่ในปัจจุบันนี้  แยกได้เป็น  3  วิธี  ดังนี้
                1.  การแสดงบทแสดงละคร  วิธีนี้ผู้ที่จะแสดงต้องฝึกซ้อมแสดงท่าทางตามบทที่กำหนดขึ้นไว้แล้ว  เช่น  การแสดงละครเรื่องที่เกี่ยวกับบทเรียนในหนังสือเรียนภาษาไทย  ผู้แสดงบทบาทสมมติแบบละคร  จะต้องพูดตามบทบาทที่ผู้เขียนกำหนดขึ้น
                2.  การแสดงบทบาทสมมติแบบไม่มีบทเตรียมไว้  ผู้แสดงต้องไม่ฝึกซ้อมมาก่อนเรียนไปถึงเรื่องใดตอนใดก็ออกมาแสดงได้ทันที  โดยแสดงไปตามความรู้สึกนึกคิดของตนเอง  เช่น  แสดงเป็นบุคคลต่างๆ  ในชุมนุมชน  เป็นหมอ  เป็นทหาร  เป็นตำรวจ  นักเรียนได้คิด  ได้พูดและแสดงพฤติกรรมจากความรู้สึกนึกคิดของเขาเอง
                3.  การใช้บทบาทสมมติแบบเตรียมบทไว้พร้อม  ผู้สอนได้เตรียมบทมาไว้ล้วงหน้าบอกความคิด        รวบยอดให้ผู้แสดงทราบ  ผู้แสดงอาจต้องแสดงตามบทบาทบ้าง  คิดบทบาทขึ้นแสดงเองตามความพอใจบ้าง   แต่ต้องตรงกับเนื้อเรื่องที่กำหนดให้
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้แบบแสดงบทบาทสมมติ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
                1.  ขั้นเตรียมการใช้บทบาทสมมติ  แบ่งเป็น  2  ขั้นตอน  ดังนี้
                     1.1  ขั้นการกำหนดวัตถุประสงค์เฉพาะ  ผู้สอนควรศึกษาและทำความเข้าใจพื้นฐานเสียก่อนว่า  ต้องการให้ผู้เรียนได้รับความรู้อะไรบ้างจากการแสดงและกรรมวิธีในการใช้บทบาทสมมตินำไปเพื่อต้องการให้เกิดอะไรขึ้น
                     1.2  ขั้นสร้างสถานการณ์และบทบาทสมมติ  เมื่อผู้สอนได้ศึกษาและเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์เฉพาะในการเตรียมใช้บทบาทสมมติแล้ว  ก็จำเป็นต้องสร้างสถานการณ์และบทบาทสมมติให้สอดคล้องต้องกันกับวัตถุประสงค์ดังกล่าว  ซึ่งจำเป็นต้องเล็งเห็นถึงวัยของผู้เรียน  เนื้อหาสาระ  ปัญหา  ความเป็นจริง  ข้อโต้แข้ง  ตลอดจนอุปสรรคที่จำเป็นต่างๆ  ที่ผู้สอนต้องให้ผู้เรียนได้รู้จักคิด  ปฏิบัติและแก้ไขด้วยตนเอง
                2.  ขั้นแสดงบทบาทสมมติ  แบ่งเป็น  7  ขั้นตอน  ดังนี้
                     2.1  การนำเข้าสู่สถานการณ์  ผู้สอนเตรียมเรื่องหรือสถานการณ์ให้ผู้เรียน แล้วนำเรื่องราวมาเล่าให้ผู้เรียนฟัง  เพื่อเป็นการเร้าความสนใจ เป็นแรงจูงใจให้ผู้เรียนอยากเรียนและ   อยากติดตาม  และควรให้ผู้เรียนได้เล็งเห็นประโยชน์ที่จะได้รับ จากการที่เข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงบทบาทสมมตินั้นๆ      
                     2.2  การกำหนดตัวผู้แสดง  การเลือกผู้แสดงขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายของการสอนและ    การแสดงสำหรับการเลือกตัวผู้แสดง  ควรให้ผู้เรียนอาสาสมัครมาแสดงบทบาทด้วยความเต็มใจ
                     2.3  การจัดสถานที่  ผู้สอนควรให้ผู้เรียนได้ร่วมมือในการจัดสถานที่สำหรับการแสดงบทบาทสมมติ  ซึ่งควรจัดและดัดแปลงให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องที่กำหนดไว้
                     2.4  การกำหนดตัวผู้สังเกตการณ์ โดยผู้สอนอาจจะกำหนดผู้เรียนกลุ่มหนึ่งให้เป็น          
ผู้สังเกตการณ์ในการแสดงบทบาท  โดยฝึกให้เป็นคนช่างสังเกตและรวบรวมข้อมูลต่างๆ  เพื่อนำมาวิเคราะห์  อภิปราย  และแก้ปัญหาร่วมกัน  หลังจากสิ้นสุดการแสดงบทบาทสมมติแล้ว
                     2.5  การเตรียมพร้อมก่อนการแสดง  วิธีเตรียมความพร้อมนั้นผู้สอนต้องเป็นผู้ช่วยเหลือไม่ให้ผู้เรียนต้องมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแสดงให้มากเกินไป  ควรชี้แจงให้ผู้แสดงทราบว่า  การแสดงก็เหมือนกับการพูด  คุย  และเล่นกันธรรมดา  เพียงแต่ต้องแสดงบทบาทต่างๆ  ตามที่ได้กำหนดไว้เท่านั้น
                      2.6  การลงมือแสดง  เมื่อผู้แสดงพร้อมแล้วก็เริ่มลงมือแสดงได้เลย  ควรเปิดโอกาสให้   ผู้แสดงได้ใช้ความสามารถของตนได้เต็มที่  ถ้าเกิดปัญหาขึ้นในขณะที่แสดง  ผู้สอนควรมีส่วนร่วมในการแก้ไขสถานการณ์  เพื่อให้การแสดงเป็นไปตามธรรมชาติและราบรื่นต่อไป
                      2.7  การตัดบท  ถ้าบังเอิญการแสดงของผู้เรียนยืดเยื้อและใช้เวลานานเกินความจำเป็นและผู้สอนที่ความคิดเห็นว่าได้ข้อมูลในการแสดงพอสมควรแล้ว  ก็สามารถขอให้ยุติการแสดง   เพื่อจะได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์และอภิปรายและแก้ไขปัญหาต่างๆ  ต่อไป
                3.  ขั้นวิเคราะห์และอภิปรายผล  การนำข้อมูลที่ได้จากการแสดงมาวิเคราะห์และอภิปราย  ผู้สอนและผู้เรียนต้องร่วมมือกัน  แต่ควรอภิปรายในรูปแบบของความมีเหตุมีผลเฉพาะการแสดงออกของผู้แสดงทางพฤติกรรมเท่านั้น  แต่จะไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับตัวผู้แสดง
                4.  ขั้นแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสรุป  เมื่อได้วิเคราะห์และอภิปรายผลของการแสดงแล้ว  ผู้สอนจะเป็นผู้เร้าและจูงใจให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆ  เพื่อให้มีแนวคิดกว้างขวางขึ้น  โดยให้ข้อคิดว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้หรือประสบพบเห็นนั้นๆ  จะเกี่ยวข้องกับความเป็น จริงทั้งสิ้น  แล้วให้ผู้เรียนช่วยกันให้แนวมโนทัศน์และช่วยกันสรุปประเด็นให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของการแสดงบทบาทสมมติที่กำหนดไว้
               ทิศนา  แขมมณี (http://innovation.kpru.ac.th/web18/551121833/innovation/index.php/2014-02-21-08-22-26)  กล่าวถึงวิธีสอนโดยใช้การแสดงบทบาทสมมติ  คือ  กระบวนการที่ผู้สอนใช้ในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด  โดยการให้ผู้เรียนสวมบทบาทในสถานการณ์ซึ่งมีความใกล้เคียงกับความเป็นจริง  และแสดงออกมาตามความรู้สึกนึกคิดของตน  และนำเอาการแสดงออกของผู้แสดง  ทั้งทางด้านความรู้  ความคิด ความรู้สึกและพฤติกรรมที่สังเกตพบว่าเป็นข้อมูลใน  การอภิปราย  เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ 
               จุดมุ่งหมายของการสอนโดยการแสดงบทบาทสมมติ
                       การแสดงบทบาทสมมติ เป็นวิธีการที่มุ่งช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้การเอาใจเขามาใส่ใจเรา  เกิดความเข้าใจในความรู้สึกและพฤติกรรมทั้งของตนเองและผู้อื่นหรือเกิดความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ  เกี่ยวกับบทบาทสมมติที่ตนแสดง 
                องค์ประกอบของการสอนแบบบทบาทสมมติ
                    1. มีผู้สอนและผู้เรียน
                    2. มีสถานการณ์สมมติและบทบาทสมมติ
                    3. มีการแสดงบทบาทสมติ
                    4. มีการอภิปรายเกี่ยวกับความรู้  ความคิด  ความรู้สึก  และพฤติกรรมที่แสดงออกของ    ผู้แสดง  และสรุปการเรียนรู้ที่ได้รับ
                    5. มีผลการเรียนรู้ของผู้เรียน
              ขั้นตอนของการสอนโดยใช้การแสดงบทบาทสมมติ
                     1. ผู้สอน / ผู้เรียน  นำเสนอสถานการณ์สมมติและบทบาทสมมติ
                    2. ผู้สอน / ผู้เรียนเลือกผู้แสดงบทบาท
                    3. ผู้สอนเตรียมผู้สังเกตการณ์
                    4. ผู้เรียนแสดงบทบาท  และสังเกตพฤติกรรมที่แสดงออก
                    5. ผู้สอนและผู้เรียน  อภิปรายเกี่ยวกับความรู้  ความคิด  ความรู้สึก  และพฤติกรรมที่แสดงออกของผู้แสดง
                    6. ผู้สอนและผู้เรียนสรุปการเรียนรู้ที่ได้รับ
                    7. ผู้สอนประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน
สรุป
       วิธีสอนโดยใช้การแสดงบทบาทสมมติ หมายถึง การสอนที่ผู้สอนสร้างสถานการณ์และบทบาทสมมติขึ้นมาที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง โดยให้ผู้เรียนเป็นผู้แสดงบทบาทสมมตินั้นๆ ตามวัตถุประสงค์ที่ผู้สอนได้กำหนดไว้ เพื่อให้ผู้เรียนได้แสดงออกทางด้านความรู้ ความคิด ที่คิดว่าตนควรจะเป็น
        การสอนโดยใช้การแสดงบทบาทสมมติ มีจุดมุ่งหมายที่สำคัญ คือ มุ่งฝึกการทำงานร่วมกัน กล้าคิด กล้าแสดงออกในการแก้ปัญหา การตัดสินใจ ทำให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจในเนื้อมากยิ่งขึ้น ลดความตึงเครียด เพราะเป็นการสอนที่ใกล้เคียงกับสภาพความเป็นจริงมากที่สุด
       องค์ประกอบของการสอนแบบบทบาทสมมติ
               1. มีผู้สอนและผู้เรียน
               2. มีสถานการณ์สมมติและบทบาทสมมติ
               3. มีการแสดงบทบาทสมติ
               4. มีการอภิปรายเกี่ยวกับความรู้ ความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมที่แสดงออกของ
                   ผู้แสดง และสรุปการเรียนรู้ที่ได้รับ  
               5. มีผลการเรียนรู้ของผู้เรียน
      ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
            การจัดการเรียนรู้แบบแสดงบทบาทสมมติ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
               1.  ขั้นเตรียมการใช้บทบาทสมมติ แบ่งเป็น ขั้นตอน ดังนี้
                     1.1 ขั้นการกำหนดวัตถุประสงค์เฉพาะ ผู้สอนควรศึกษาและทำความเข้าใจพื้นฐานเสียก่อนว่า ต้องการให้ผู้เรียนได้รับความรู้อะไรบ้างจากการแสดงและกรรมวิธีในการใช้บทบาทสมมตินำไปเพื่อต้องการให้เกิดอะไรขึ้น
                     1.2 ขั้นสร้างสถานการณ์และบทบาทสมมติ เมื่อผู้สอนได้ศึกษาและเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์เฉพาะในการเตรียมใช้บทบาทสมมติแล้ว ก็จำเป็นต้องสร้างสถานการณ์และบทบาทสมมติให้สอดคล้องต้องกันกับวัตถุประสงค์ดังกล่าว ซึ่งจำเป็นต้องเล็งเห็นถึงวัยของผู้เรียน เนื้อหาสาระปัญหา ความเป็นจริง ข้อโต้แข้ง ตลอดจนอุปสรรคที่จำเป็นต่างๆ ที่ผู้สอนต้องให้ผู้เรียนได้รู้จักคิด ปฏิบัติและแก้ไขด้วยตนเอง
              2.  ขั้นแสดงบทบาทสมมติ แบ่งเป็น 7 ขั้นตอนดังนี้
                     2.1 การนำเข้าสู่สถานการณ์ ผู้สอนเตรียมเรื่องหรือสถานการณ์ให้ผู้เรียน แล้วนำเรื่องราวมาเล่าให้ผู้เรียนฟัง เพื่อเป็นการเร้าความสนใจ เป็นแรงจูงใจให้ผู้เรียนอยากเรียนและ อยากติดตาม และควรให้ผู้เรียนได้เล็งเห็นประโยชน์ที่จะได้รับ จากการที่เข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงบทบาทสมมตินั้นๆ      
                     2.2 การกำหนดตัวผู้แสดง การเลือกผู้แสดงขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายของการสอนและ การแสดงสำหรับการเลือกตัวผู้แสดง ควรให้ผู้เรียนอาสาสมัครมาแสดงบทบาทด้วยความเต็มใจ
                     2.3 การจัดสถานที่ ผู้สอนควรให้ผู้เรียนได้ร่วมมือในการจัดสถานที่สำหรับการแสดงบทบาทสมมติ ซึ่งควรจัดและดัดแปลงให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องที่กำหนดไว้
                     2.4 การกำหนดตัวผู้สังเกตการณ์ โดยผู้สอนอาจจะกำหนดผู้เรียนกลุ่มหนึ่งให้เป็น          
ผู้สังเกตการณ์ในการแสดงบทบาท โดยฝึกให้เป็นคนช่างสังเกตและรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์ อภิปราย และแก้ปัญหาร่วมกัน หลังจากสิ้นสุดการแสดงบทบาทสมมติแล้ว
                     2.5 การเตรียมพร้อมก่อนการแสดง วิธีเตรียมความพร้อมนั้นผู้สอนต้องเป็นผู้ช่วยเหลือไม่ให้ผู้เรียนต้องมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแสดงให้มากเกินไป ควรชี้แจงให้ผู้แสดงทราบว่า การแสดงก็เหมือนกับการพูด คุย และเล่นกันธรรมดา เพียงแต่ต้องแสดงบทบาทต่างๆ ตามที่ได้กำหนดไว้เท่านั้น
                      2.6 การลงมือแสดง เมื่อผู้แสดงพร้อมแล้วก็เริ่มลงมือแสดงได้เลย ควรเปิดโอกาสให้ ผู้แสดงได้ใช้ความสามารถของตนได้เต็มที่ ถ้าเกิดปัญหาขึ้นในขณะที่แสดง ผู้สอนควรมีส่วนร่วมในการแก้ไขสถานการณ์ เพื่อให้การแสดงเป็นไปตามธรรมชาติและราบรื่นต่อไป
                      2.7 การตัดบท ถ้าบังเอิญการแสดงของผู้เรียนยืดเยื้อและใช้เวลานานเกินความจำเป็นและผู้สอนที่ความคิดเห็นว่าได้ข้อมูลในการแสดงพอสมควรแล้ว ก็สามารถขอให้ยุติการแสดง เพื่อจะได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์และอภิปรายและแก้ไขปัญหาต่างๆ ต่อไป
              3.  ขั้นวิเคราะห์และอภิปรายผล การนำข้อมูลที่ได้จากการแสดงมาวิเคราะห์และอภิปราย ผู้สอนและผู้เรียนต้องร่วมมือกัน แต่ควรอภิปรายในรูปแบบของความมีเหตุมีผลเฉพาะการแสดงออกของผู้แสดงทางพฤติกรรมเท่านั้น แต่จะไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับตัวผู้แสดง
              4.  ขั้นแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสรุป เมื่อได้วิเคราะห์และอภิปรายผลของการแสดงแล้ว ผู้สอนจะเป็นผู้เร้าและจูงใจให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆ เพื่อให้มีแนวคิดกว้างขวางขึ้น โดยให้ข้อคิดว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้หรือประสบพบเห็นนั้นๆ จะเกี่ยวข้องกับความเป็น จริงทั้งสิ้น แล้วให้ผู้เรียนช่วยกันให้แนวมโนทัศน์และช่วยกันสรุปประเด็นให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของการแสดงบทบาทสมมติที่กำหนดไว้ 
ที่มา

       ทิศนา  แขมมณี.[online].http://innovation.kpru.ac.th/web18/551121833/innovation/index.php/2014-02-21-08-22-26.การสอนโดยใช้การแสดงบทบาทสมมติ.สืบค้นเมื่อ 16 สิงหาคม 2558.

      วารี  ถิรจิตร.[online]. https://www.gotoknow.org/posts/506108.การสอนโดยใช้การแสดงบทบาทสมมติ.สืบค้นเมื่อ 16 สิงหาคม 2558.

      Natthaset  teeratitham.[online].https://www.l3nr.org/posts/158821.การสอนโดยใช้การแสดงบทบาทสมมติ.สืบค้นเมื่อ 16 สิงหาคม 2558.